มีการศึกษาโดย AAA Foudation for Traffic Safety ในสหรัฐ ซึ่งทำการศึกษาระบบ hand free ในรถยนต์นั้น รบกวนสมาธิ ผู้ขับขี่มากแค่ไหน โดยการทำการวัดผลจาก ผู้ขับขี่จำนวน 45 คน ผลการศึกษาพบว่า ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri ของแอปเปิล นั้น มีความซับซ้อนสูง และรบกวนสมาธิในการขับรถมากที่สุด
ผู้ทดสอบจะมีกล้องจับภาพผู้ขับขี่ และมีการสวมเครื่องวัดการทำงานของสมอง รวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ให้ผู้ขับขี่มีปฎิสัมพันธ์กับ Siri โดยทดสอบการส่ง และรับข้อความ SMS, อีเมล, อัพเดตสเตตัส facebook หรือ twitter และเปลี่ยนตารางนัดหมาย และคอยเก็บข้อมูลว่า มีสิ่งไหนรบกวนสมาธิบ้าง โดยแบ่งเป็นสามสถานการณ์ ในรถบนถนนสัญจรทั่วไป, ขณะขับรถ และไม่ได้ขับในเครื่องจำลองการขับรถ
Siri ที่นักวิจัยใช้ทดสอบนั้นเป็น iPhone 5 ที่ใช้ iOS 7 ใช้ไมโครโฟน และสั่งงานด้วยเสียง โดยทั้งนี้ผู้ขับขี่จะไม่สามารถมองไปที่ ตัวไอโฟน หรือจับตัวเครื่องได้ ผลทดสอบนั้น Siri จำเป็นต้องใช้สมาธิในการใช้งานสูง กว่าเพื่อน และมี การชนเกิดขึ้นในการทดสอบผ่านเครื่องจำลองการขับถี่ ถึง 2 ครั้ง
ต้นทางของปัญหานี้ก็คือ Siri ให้การตอบรับแตกต่างกัน แม้จะสั่งงานด้วยคำสั่งเดียวกัน และในทางกลับกัน Siri ก็ต้องการ คำสั่งที่ตรงตัวเมื่อจะทำงานได้ตามต้องการ และมีโอกาสให้ผลผิดจากที่ต้องการ และเมื่อเกิด ข้อผิดพลาดอย่างเช่น การถอดอักษรด้วยเสียง ผู้ใช้จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด (ในกรณีไม่จับที่ตัวเครื่องเลย) เพราะไม่สามารถแก้ไขข้อความเดิมได้ และ Siri ยังมักโทรหาผิดคน และผู้ใช้บางคน ยังโดน Siri เหน็บแนบในการใช้งานบางโอกาสอีกด้วย
ทางนักวิจัย ให้ความเห็นว่า การใช้งาน Siri น่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ Siri เริ่มเรียนรู้สำเนียงผู้ใช้ และ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเสียงผู้ใช้ แต่ชุดคำสั่งงาน หลายตัวนั้นซับซ้อนเกินไป ซึ่งคงต้องไปปรับปรุงดีไซน์ Siri กันใหม่ ทั้งนี้ ระบบ Siri ที่ AAA ทดสอบนี้คือ Siri บนไอโฟน ไม่ใช่ระบบ CarPlay ที่เป็นระบบ Siri ที่ออกแบบมาใช้บนรถยนตโดยเฉพาะ และมีผู้ทดลองใช้งาน Siri ที่ใช้ใน CarPlay พบว่า มีการปรับปรุงว่า Siri ในiPhone และมีเมนูที่ง่ายในการใช้มากกว่า
ที่มา : MacRumors