Home iPhone มารู้จัก Face ID ระบบสแกนใบหน้า 3 มิติสุดล้ำของ Apple ที่คู่แข่งตามไม่ทัน

มารู้จัก Face ID ระบบสแกนใบหน้า 3 มิติสุดล้ำของ Apple ที่คู่แข่งตามไม่ทัน

4425
0
SHARE
Face ID

แอปเปิลเปิดตัว iPhone X ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ Face ID เทคโนโลยีการสแกนใบหน้า ที่ช่วยในการปลดล็อคหน้าจอ และสำหรับการชำระเงินผ่าน Apple Pay โดยใช้เซ็นเซอร์หลายตัว และกล้อง ในการทำงานร่วมกัน เพื่อเปรียบเทียบใบหน้า แม้ระบบสแกนใบหน้าจะมีให้เห็นแล้วในท้องตลาด แต่ระบบสแกนใบหน้าของแอปเปิลนั้น พูดได้เลยแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งดีกว่า และปลอดภัยกว่า วันนี้เรามารู้จัก เทคโนโลยีใหม่ FaceID ให้มากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมก่อนจะได้ใช้จริงใน iPhone X

Face ID คืออะไร?

เป็นระบบการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ แทนการใช้รหัสผ่าน แบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน iPhone X แต่ข้อมูลทางชีวภาพที่ระบบนี้ใช้ก็คือ ใบหน้าของผู้ใช้ แทนที่จะเป็นลายนิ้วมือ แบบที่ใช้ใน Touch ID ซึ่งมีความปลอดภัย และแม่นยำสูงกว่า

Face ID ทำงานอย่างไร?

ระบบสแกนใบหน้านี้ จะใช้ TrueDepth Camera ซึ่งได้แก่เซ็นเซอร์หลายตัว และกล้องหน้า เมื่อเริ่มใช้งาน จะมีการยิงลำแสงที่มองไม่เห็น จาก Dot Projector ไปทั่วหน้า 30,000 จุด และกล้องอินฟราเรดจะเป็นตัวอ่านโครงสร้างของเรา ทำการวิเคราะห์ใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่คำนวนถึงความลึกและองศาของใบหน้า เพื่อสร้างเป็นโครงสร้างของเราขึ้นมา (Depth Map) และถ้าอยู่ในที่มืด จะมีเซ็นเซอร์ Flood Illuminator คอยช่วยในการจับตำแหน่งใบหน้าของเราอีกที ข้อมูลต้นแบบนั้นจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่ Secure Enclave ที่อยู่ในชิพ A11 Bionic ซึ่งการสแกนนั้นจะทำงานพร้อมๆกันแบบเรียลไทม์

แม้ขั้นตอนการสแกนใบหน้าจะมีหลายขั้นตอนและซับซ้อน แต่แอปเปิลก็พัฒนาระบบนี้มาอย่างดี โดยใช้ A11 Bionic ที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการประมวลผล ทำงานได้รวดเร็วไม่แพ้ Macbook Pro ทำให้การสแกนนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วทันใจ

เริ่มต้นใช้งานอย่างไร?

การตั้งค่าเริ่มต้นการใช้งาน FaceID นี้ก็คล้ายกับ Touch ID คือจำเป็นต้องมีการสแกนต้นแบบเก็บไว้ในเครื่องก่อน แต่การสแกนใบหน้านั้น สะดวกกว่า และรวดเร็วกว่า โดยไปที่ไอโฟนเข้าถึง Settings > Face ID & Passcode และแตะไปที่ Enroll Face เพื่อให้กล้องหน้าและลำแสงอินฟราเรดทำงาน จะมีวงแหวนสีเขียวปรากฎขึ้นมา และมีเส้นสีฟ้าอ่อน ฟาดตรงส่วนของดวงตา และตำแหน่งกลางศีรษะ เพื่อให้เราวางตำแหน่งให้พอดี และจึงเริ่มหมุนศรีษะเป็นวงกลมตามคำแนะนำ

เวลาสแกนจะแสบตาไหม?

เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ว่า เวลาสแกนใบหน้าจะมีแสงสว่างส่องเข้ามาที่ใบหน้าผู้ใช้ ที่อาจจะเห็นภาพจากสื่อประชาสัมพันธ์ หรือภาพสาธิตในงานเปิดตัว ซึ่งจริงๆ แล้วตอนสแกนนั้น ระบบจะส่องสำแสงอินฟราเรด และแสงนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ภาพสาธิตจัดตกแต่งภาพให้เห็นลำแสง เพื่อให้เข้าใจหลักการทำงานเท่านั้นเอง ดังนั้นตอนสแกนไม่มีแสงมาแยงตาใดๆ ทั้งสิ้น

ภาพสาธิตการทำงาน แต่ในความจริงแล้ว ผู้ใช้จะไม่เห็นแสงที่ส่องมาสแกนแต่อย่างใด

Face ID ปลอดภัยแค่ไหน?

แนวคิดเรื่องความปลอดภัยนั้น หลักการใกล้เคียงกับ Touch ID นั่นก็คือ ข้อมูลต้นแบบนั้นจะถูกเก็บไว้ในตัวเครื่องไอโฟนเท่านั้นที่ Secure Enclave ชิปพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ข้อมูลส่วนนี้จะไม่ถูกส่งไปยังเซิฟเวอร์ของแอปเปิล และข้อมูลจาก Secure Enclave นั้นจะส่งข้อมูลทิศทางเดียว และส่งแค่บางส่วนที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ยืนยันว่าใบหน้าทีสแกนเข้ามาตรงกับต้นแบบจริง เพื่อปลดล็อคหน้าจอ หรือชำระเงินผ่าน Apple Pay ดังนั้นโอกาสที่ แฮกเกอร์จะไปล้วงข้อมูลจากไอโฟนโดยตรงก็น้อยมาก

ส่วนประเด็นที่ว่าจะโดนลักลอบ สแกนใบหน้าขณะหลับหรือเปล่า? นั้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะระบบออกแบบโดยมีการตรวจสอบว่า ดวงตาของผู้ใช้ลืมอยู่หรือเปล่า ดังนั้นโจรจะมาสแกนใบหน้าขณะหลับ ก็ไม่เป็นผล หรือถ้าโดนโจร ส่องไอโฟนมาที่หน้าเรา เพื่อปลดล็อคหน้าจอ ก็เป็นไปได้ยาก เพราะถ้าเราไม่มองไอโฟนโดยตรง ตอนสแกน ระบบก็จะไม่ทำงาน แค่ละสายตาจากไอโฟน ก็ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งยังสามารถปิดการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว (อ่านด้านล่าง)

มีโอกาสที่จะผิดพลาดบ้างไหม?

น้อยมาก Apple กล่าวไว้ในงานเปิดตัว iPhone X ว่า โอกาสที่ระบบ Touch ID จะทำงานผิดพลาด มีโอกาส 1 ใน 50,000 แต่สำหรับ Face ID แล้วนั้น มีโอกาสที่จะผิดพลาดน้อยกว่ามาก นั่นก็คือ 1 ใน 1,000,000 แต่อัตราส่วนความผิดพลาดนี้ จะน้อยลงไปสำหรับคนที่เป็นฝาแฝดกัน

แม่นยำแค่ไหน หลอกด้วยภาพถ่าย หรือหน้ากากได้ไหม?

FaceID มีความแม่นยำสูง และระบบสแกนเป็นแบบ 3 มิติ ดังนั้นจึงหลอกด้วยภาพถ่ายที่เป็น 2 มิติไม่ได้ ดังนั้น การหลอกระบบสแกนด้วยภาพถ่ายแบบ Galaxy S8 และ Galaxy Note 8 นั้น เป็นไปไม่ได้สำหรับ iPhone X Apple ยังได้ทดสอบทำหน้ากากจำลอง ที่เลียนแบบหน้าคนจริงๆ แบบ 3 มิติขึ้นมา โดยใช้ช่างคนเดียวกับ ทีมถ่ายหนังฮอลีวูด ก็พบว่า ระบบสแกนสามารถแยกแยะใบหน้าจริง และใบหน้าที่จากหน้ากากปลอมขึ้นมาได้

ใช้ในที่มืด คนใส่แว่น สวมเครื่องแต่งกาย จะใช้งานได้ไหม?

FaceID ออกแบบมาให้ใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ ดังนั้นเมื่อเราอยู่ในที่มืดอย่างเช่นในห้องนอน ก็จะมีเซ็นเซอร์ Flood Illuminator ช่วยในเรื่องนี้ ส่วนการสวมแว่นสายตา ไม่เป็นอุปสรรคในการสแกนใบหน้า รวมไปถึงการไว้หนวด ไว้เครา และการแต่งหน้า

เสริมเติมแต่งใบหน้าแบบนี้ สามารถสแกนได้

แล้วแว่นกันแดดหละ ?

ตาม ข้อมูลจาก Craig ผู้บริหารของ Apple นั้น สำหรับแว่นดำ คำตอบคือ สแกนได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าแว่นกันแดดนั้น ใช้เลนส์ที่ลำแสงอินฟราเรดสามารถทะลุผ่านไป จับภาพดวงตาได้ ก็จะสามารถทำงานได้ แต่เลนส์แว่นกันแดดบางชนิด (เดาว่าพวกเลนส์เคลือบปรอท) จะทำให้สแกนไม่ผ่าน

ระบบสแกนใบหน้าของ Apple กับ Android ใครเจ๋งกว่ากัน?

ตอบได้เลยว่าของ Apple ล้ำหน้าคู่แข่งกว่าคู่แข่งเยอะ เพราะ

  • สามารถใช้งานได้แม้ในที่มืด
  • สามารถใช้ได้แม้จะมีเสริมเติมแต่งที่ใบหน้า เช่นไว้หนวดเครา, สวมหมวก แว่นตา หรือเปลี่ยนสีผม
  • สามารถวางเครื่องไว้บนโต๊ะ หรือพื้นราบ เพื่อสแกนได้ ไม่ต้องหยิบขึ้นมาส่องที่หน้า
  • ระบบไม่โดนหลอกง่าย ด้วยรูปภาพ หรือหน้ากากที่ปลอมขึ้นมา
  • ทำงานได้แบบทันใจ เร็วกว่าระบบสแกนใบหน้าระบบอื่น

ส่วนของระบบรู้ใบหน้าของ Galaxy S8 นั้น มีการระบุไว้ชัดเจน บนหน้าเว็บของซัมซุงว่า มีความปลอดภัยน้อยกว่า PIN หรือ รหัสผ่านซะอีก

อุปกรณ์ไหนบ้างที่รองรับ Face ID

ตอนนี้ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์พิเศษเฉพาะกับ iPhone X เท่านั้น

Face ID จะมาแทนที่ Touch ID?

ขณะตอนนี้ ระบบ Touch ID ยังคงมีใช้อยู่กับผลิตภัณฑ์ของ Apple ทั้ง iPhone และ MacBook ส่วน Face ID จะยังคงมีเฉพาะใน iPhone X แต่ในอนาคต แอปเปิลน่าจะนำเทคโนโลยีนี้ มาใส่ใน iPhone รุ่นใหม่ปีหน้า รวมไปถึง iPad Pro 2018 ซึ่งจะได้เห็นในผลิตภัณฑ์อื่น อย่างเร็วสุดก็คือ ช่วงก่อนกลางปีหน้า มีรายงานอีกว่า Apple เล็งที่จะใช้ Face ID นี้แทนที่ Touch ID ในอนาคตอีกด้วย

นอกจากปลดล็อคเครื่อง ชำระเงิน ทำอะไรได้อีก?

True Depth Camera นั้นนำเอาไปประยุกต์กับเทคโนโลยี AR ได้ ตัวอย่างเช่น Animoji อีโมจิที่ขยับสีหน้า ตามผู้ใช้ ที่เป็นฟีเจอร์พิเศษมีเฉพาะใน iPhone X หรืออย่าง SnapChat ก็สามารถใส่ลูกเล่น หน้ากาก ได้แนบไปกับใบหน้าของเรามากกว่าเดิม อนาคตคงมีลูกเล่นสนุกๆ เพิ่มขึ้นอีกมากจาก ผู้พัฒนาแอพพลิเคชันทั้งหลาย โลกของการถ่ายภาพเซลฟี่ จะไม่ใช่แค่การถ่ายรูปหน้าตัวเองสวยๆ แค่นั้นอีกต่อไป

ตอนสาธิตในงานเปิดตัวด้วย SnapChat จะเห็นว่าแอพสามารถจับโครงสร้างของ Criag ได้แนบเนียบกว่าเดิม

มีข้อจำกัดการใช้งานอะไรบ้างไหม?

Face ID สามารถสแกนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น ต่างกับ Touch ID ที่สามารถสแกนได้ถึง 5 นิ้วมือ ดังนั้น
Touch ID จะสามารถใช้นิ้วมือของบุคคลในบ้าน เพื่อใช้ร่วมกันได้ แต่ Face ID จะทำแบบนั้นไม่ได้ หลักการสแกนนั้น ระบบจะตรวจสอบทุกอย่างบนใบหน้า ทั้งตา, จมูก, ปาก ดังนั้นถ้าใส่เครื่องแต่งกายที่บดบัง สิ่งเหล่านี้ ก็จะทำให้การสแกนทำงานไม่ได้ เช่นใส่หน้ากากอนามัย แต่การสวมหมวก, ผ้าพันคอ หรือแว่นตากันแดด (บางแบบ) ระบบก็สามารถทำงานได้ แต่ความแม่นยำจะลดลงถ้า ผู้ใช้เป็นฝาแฝด

นอกจากนี้ก็คือ แอพลิเคชันทั่วไป ของนักพัฒนา จะไม่อนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีกับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี เนื่องจากข้อกฎหมาย

วิธีหยุดการใช้งาน

มีหลายทางเลือกที่ทำให้ FaceID หยุดการทำงาน

  • ไปปิดเองที่ Settings
  • ปิดเครื่องและเปิดใหม่ ต้องใช้ passcode ก่อนถึงจะใช้ FaceID ต่อได้
  • สแกนใบหน้าไม่ผ่านเกิน 5 ครั้ง
  • กดปุ่ม side button ติดต่อกัน 5 ครั้ง (ใช้ได้กับ Touch ID ด้วย สำหรับ iOS 11)
  • กดปุ่ม side button พร้อมกับปุ่มปรับเสียง วิธีนี้เป็นการปิดเครื่องไปพร้อมกันด้วย ส่วน iPhone 8 จะเป็นการปิด Touch IDID แต่รุ่นต่ำกว่านี้จะใช้วิธีนี้ไม่ได้

สถานการณ์ไหนบ้างที่ Face ID จะไม่ทำงาน?

  • หลัง รีสตาร์ทเครื่องต้องใส่ passcode ก่อน
  • หลังจากไม่ได้ใช้ FaceID ในการปลดล็อคหน้าจอเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • ทุก 6 วัน ถ้าไม่ได้ใช้ FaceID ภายใน 8 ชั่วโมง จะต้องใส่ passcode ก่อน
  • สแกนใบหน้าไม่ผ่านเกิน 5 ครั้ง
  • ปิดการใช้งานโดยผู้ใช้เอง ตามวิธีด้านบน