แอปเปิลเปิดตัว iOS 11 เรียบร้อยแล้ว ในงาน WWDC 2017 ค่ำคืนที่ผ่านมา แอปเปิลปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ iOS 11 หลายอย่าง เรียกว่าครอบคลุมเกือบทุกส่วน และมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง machine learning, File app และ AR สำหรับไอแพด แอปเปิลก็เพิ่มฟีเจอร์น่าใช้หลายอย่าง ให้ไอแพดใช้งานได้ใกล้เคียงกับ MacBook มากขึ้น
Control Center
มีการปรับโฉมใหม่ ปรับเปลี่ยนจาก iOS 10 ที่แสดงผลสองหน้า ใน iOS 11 แอปเปิลรวมการควบคุมทุกอย่างไว้ในหน้าเดียว โดยการแบ่งกลุ่มการใช้งานไว้ด้วยกัน และเมื่อแตะที่โซนนั้น ๆ ก็จะเป็นขยายแผงควบคุมเต็มรูปแบบ
App Store
แอปเปิลแปลงโฉม App Store ใหม่โดยดึงดีไซน์ของ Apple Music มาใช้ เน้นให้สะอาด รูปโดดเด่น ฟอนต์ใหญ่และหนา เพิ่มส่วนของ Today แนะนำแอพน่าสนใจดสรรโดยบรรณาธิการ แยกหมวดหมู่เกม ออกมาเป็นเมนูชัดเจน ในหน้ารายละเอียดของแอพแต่ละตัวยังปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อให้แอพถูกนำเสนออย่างดึงดูดมากขึ้น สามารถใส่วิดีโอพรีวิวได้ถึง 3 คลิป และภาพนิ่งแอพ 5 ภาพ นอกจากนี้วิดีโอยังสามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาได้ตามประเทศของ App Store แต่ละแห่งด้วย
Camera
เช่นเดียวกับ macOS High Sierra iOS 11 จะมาพร้อมเทคโนโลยี High Efficieny Video Coding (HEVC, H.625) ช่วยบีบอัดวิดีโอได้มากขึ้น 2 เท่า รวมถึงภาพถ่าย ทำให้ไฟล์รูป และวิดีโอมีขนาดเล็กลงในขณะที่คุณภาพเท่าเดิม ประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
อีกทั้งยังปรับปรุง คุณภาพจาก Portrait Mode ใหม่, ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น, ปรับปรุงระบบกันสั่น, True Tone Flash, HDR ทางฝั่งนักพัฒนา เปิด Depth API ให้นักพัฒนา
Photos
ต่อยอด Portrait mode จาก iOS 10 มาเป็น Portrait Movie สร้างวิดีโอจาก Memories แสดงได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน
Live Photos
เพิ่มความสามารถในการปรับแต่งมากขึ้นเช่น สามารถตัดบางส่วน, เลือกรูปหลัก, ปิดเสียง, ใส่เอฟเฟค loop, bounce, long exposure เพิ่มความสนุกในการถ่าย live photos มากขึ้น
iMessage
ปรับปรุง app drawer ใหม่ ให้เลือกค้นหา แอพสำหรับ iMessage และสติกเกอร์ ได้สะดวกขึ้นในรูปแบบการค้นแบบ แนวนอน และข้อมูลทั้งหมดจะซิงค์ผ่าน iCloud ดังนั้นต่อไปเปิดอุปกรณ์ไหน ข้อความก็จะขึ้นเหมือนกันหมด รวมไปถึงการลบข้อความด้วย และเมื่อข้อมูลขึ้นไปบน iCloud แล้ว iMessage จะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลน้อยลง สำรองข้อมูลเร็วขึ้น
Apple Map
เพิ่มแผนที่ภายในตัวอาคาร ห้างร้าน สนามบิน ส่วนของการนำทางก็มีการแจ้งเตือน จำกัดความเร็ว และแนะนำเส้นทางก่อนจะเลี้ยว
Siri
Siri พูดได้ธรรมชาติเหมือนมนุษย์มากขึ้น แสดงผลการค้นหาได้หลายอย่างในการค้นครั้งเดียว, Siri แปลภาษาได้แล้ว ตอนนี้รองรับแค่ ภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาจีน, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน นอกจากนี้ Siri ยังรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบเช่น Workout, สแกน QR Code, Car Controls, VoIP Calling, การค้นหารูปภาพ, การจ่ายเงิน อีกทั้งยังตั้งปลูกข้ามอุปกรณ์ ได้ด้วย Siri จะฉลาดขึ้น แนะนำข้อมูลข้ามระหว่างแอพได้ เช่น ผู้ใช้เปิดเว็บเกี่ยวกับ แสงเหนือที่ประเทศไอซ์แลนด์ ผ่าน Safari ทาง Siri จะเก็บข้อมูลไว้ แล้วนำเสนอข่าวเกี่ยวกับแสงเหนือที่ Apple News
Machine Learning
iOS 11 นำ Machine Learning มาช่วย สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ได้ คาดเดาพฤติกรรมของผู้ใช้ และช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้ตรงใจมากขึ้น ฝั่งของนักพัฒนา มี CoreML มาให้
Augmented Reality (AR)
แอปเปิลลงเล่น AR เต็มตัวทุกอย่างจะดูสมจริงมากขึ้น และเปิด ARKit ให้นักพัฒนา
Apple Pay
เพิ่มการโอนเงินระหว่างบุคคล ผู้ใช้ Apple Pay สามารถโอนเงินให้เพื่อนเข้าบัญชีธนาคารที่ผูกกับ Apple Pay ผ่านทาง iMessage
CarPlay
เพิ่ม DND Driving ฟีเจอร์ป้องกันการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ iOS สามารถเรียนรู้ได้ว่ากำลังอยู่ในรถหรือไม่ หากอยู่ในรถหน้าจอจะดับ หากเปิดหน้าจอขึ้นมาจะต้องกดยืนยันว่าไม่ได้ขับรถอยู่
Apple Music
เพิ่มส่วนของโซเชียล สามารถ follow เพื่อนที่ใช้ Apple Music เพื่อดูว่าเพื่อนฟังเพลงอะไร มีเพลย์ลิตส์ไหนบ้าง ฝั่งนักพัฒนามี MusicKit ให้
Home
รองรับลำโพง ซึ่งก็เพื่อรองรับ HomePod นั่นเอง เพิ่ม AirPlay 2 สามารถเล่นเพลงได้หลายลำโพงพร้อมกัน, แชร์เพลงจาก Apple Music,ใช้กับ Apple TV รุ่นใหม่ ฝั่งนักพัฒนาเปิด AirPlay 2 audio API
นอกจากนี้ iOS 11 ยังมีฟีเจอร์เด็ดมากมายให้กับ iPad อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
iOS 11 เปิดให้นักพัฒนาได้ทดสอบในรุ่น beta แล้ววันนี้ ส่วนเวอร์ชันจริงจะปล่อยสู่สาธารณะช่วงเดือน กันยายน – ตุลาคม พร้อมกับไอโฟนรุ่นใหม่ปีนี้ อัพเกรดได้ฟรี เกือบทุกรุ่นที่ใช้ iOS 10 ได้